ทริปนี้ประกอบด้วยเรา 3 คน ซึ่งเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยวัยใส
และสัญญากันไว้ตั้งแต่มอปลายว่าหากเรียนจบป.ตรี จะต้องมาญี่ปุ่นด้วยกันให้จงได้
(เนื่องจากพวกเราเรียนสายศิลป์ญี่ปุ่นและคลั่งญี่ปุ่นมาก >////< )
ทริปนี้จึงใช้เวลาวางแผนเกือบ 8 ปี (ซึ่งเปลี่ยนแผนทุกๆปี55555)
ซึ่งเราตกลงจะไปหลังจากเรียนจบ 1 เดือน นั่นก็คือเดือนมิถุนายน
และทริปนี้ก็เป็นเหมือนแรงบันดาลใจให้เราสามคนตั้งใจเรียนป.ตรีให้จบเพราะจะได้ไปด้วยกันตามสัญญาค่ะ
ทริปนี้เริ่มวางแผนด้วยจากคำถามว่า…
“ใครอยากไปไหนบ้าง???!”
ตัวเรานั้นอยากไป Universal Studio Japan กับ Kyoto
เพื่อนอีกคนอยากไป Enoshima (Kanagawa)
และอีกคน นางอยากไป Hokkaido
(นี่มันจะทำยังไงให้อยู่ใน 10 วันฟ่ะ) เนื่องจากเพื่อนคนสุดท้ายเป็นคนน่ารัก
นางบอกยังไงก็ได้ เราจึงตัดสินใจที่จะจบทริปนี้ที่ Tokyo
(จริงๆไม่ได้ถามเพื่อนหรอกคะ555)
“เริ่มจองตั๋ว…”
เรา 3 คน จองผ่าน Agent แห่งหนึ่งค่ะ เสียค่าธรรมเนียม 200 บาทต่อBooking
เราเลือกใช้บริการสายการบิน Vietnam Airline
ซึ่งรูทบินของเราเป็นอย่างนี้ค่ะ
,
และเราก็เลือกใช้ JR Pass worldwide 7 days ในการเดินทางในประเทศญี่ปุ่น
“ที่พัก”
เราจองผ่าน Booking.com
Shin-Imamiya Hotel (Osaka) 3 คืน 7600 ¥/1 คน
จองไว้ 2 ห้อง ค่ะ เป็นห้องเดี่ยวที่มีห้องน้ำในตัว กับห้องแคปซูลซึ่งไม่มีห้องน้ำในตัว
(เราเป็นคนคิดซับซ้อนนิดนึงคะ 5555)
Hostel Haruya Aqua (Kyoto) 2 คืน 3960¥/1 คน
เป็น Hostel สไตล์ญี่ปุ่นคะ เรานอนเป็นห้องรวมผู้หญิงกันค่ะ
Super Hotel Shinagawa Aomono-Yokocho (Tokyo) 5 คืน 19100¥/1 คน
เราจองเป็นห้องเดียวนอนได้ 3 คน ค่ะ
เป็นเตียง Double bed และมีบันไดปีนไปอีกเตียงบนหัวนอนค่ะ
ค่าใช้จ่ายเบื้องต้น
และเวลาแห่งการรอคอยของพวกเราก็มาถึง…
เราออกจากกรุงเทพเวลา 19.50 และถึงสนามบินTan Son Nhat เวลา 21.00
นั่งๆนอนกัน 3 ชม. จน 00.10 เราก็ออกจาก Ho Chi Minh ไป Osaka กันค่ะ ^^
ก่อนLanding ก็มีอาหารมาเสริฟอีกรอบ TT (ง่วงมากบอกเลย)

พอถึงสนามบิน คันไซ เราวางแผนไว้ว่าจะใช้ Osaka Amazing pass 2 days ในการเที่ยวที่โอซาก้า
เราจึงไปหา เค้าเตอร์ tourist information ซึ่งที่นั่นมีพาสขายหลายพาส
แต่เราเอาพาสเดียวค่ะ เพียงโชว์พาสปอร์ตและจ่ายเงินก็จะได้สิ่งนั้นค่ะ
และนี่ก็คือที่ๆเราตั้งใจจะไปโดยใช้พาสนี้ค่ะ

https://www.osaka-info.jp/osp/en/index.html
และเราก็เริ่มออกเดินทางจากสนามบินคันไซ ไปยัง Shin-imamiya eki โดย Nankai ค่ะ
(Osaka pass ใช้ขึ้นรถไฟสายนี้ไม่ได้ค่ะ) ใช้เวลา 40 นาทีก็ถึง

เราแบกสัมภาระที่(หนักมาก!!!) ลงบันได ก่อนจะเจอโรงแรมซึ่งแทบจะอยู่ติดสถานี
(น้ำตาไหลเลยค่ะ) เรามาถึงเป็นเวลา 11.00 ซึ่งยังไม่ถึงเวลาเชคอิน เราจึงฝากกระเป๋า และออกไปหาอะไรทานกันค่ะ
และเราก็จะได้ใช้โอซาก้าพาส ขึ้นรถไฟใต้ดินแล้วค่ะ (เย้ๆๆ)
สถานีที่ใกล้โรงแรมของเราที่สุดคือ Doubutsuenmae-eki คะ ไปยังสถานี Shitennojimae Yuhigaoka
เพื่อไปวัดShitennoji และหาอะไรทานกันค่ะ


เป็นแฮมเบอร์เกอร์ใส่ผัก รสชาติ…ไม่สามารถอธิบายได้ 55555
แล้วเราก็เดินไปวัด Shitennoji ค่ะ อากาศร้อนใช้ได้ค่ะ แต่แดดอุ่นกำลังดี(ชอบแดดค่ะ><)
ก่อนไหว้พระดื่มน้ำกันหน่อย (ล้อเล่นค่ะ…แค่ล้างพอนะค่ะ) แต่เราดื่มไปเรียบร้อยแล้วค่ะ โดนเพื่อนหลอก TT

เราใช้เวลาไม่ถึง 20 นาที ในวัดShitennoji เพราะอากาศร้อนมากค่ะ
เราก็เดินทางไปกันยัง Bay area ค่ะ เพื่อจะมาขึ้น Tempozan และ Santa Maria cruise
ค่าขึ้นสองอย่างนี้ก็ปาไป 2200¥ ละคะ (ฟินมาก) แต่เรามีพาสไม่ต้องจ่ายแล้วค่ะ
เราเลือกขึ้น Santa Maria Cruise ก่อน เพราะ เรือจะออกทุกๆชั่วโมง
เรามาถึงเวลาใกล้ขึ้นเรือพอดี เลยไปขึ้นเรือก่อนละกัน



จากที่พวกเราทั้งสาม พะอืดพะอม จากอาการนอนไม่พอ
ก็รู้สึกดีขึ้นเมื่อได้มาขึ้นเรือ Santa Maria ลมเย็นๆ มีวิวสองฝั่งนี่อยากหลับกันเลยค่ะ
ต่อมาเราก็ไปขึ้นTempozan ชิงช้าสวรรค์ข้างอ่าวโอซาก้า (ใกล้ทางขึ้นเรือ)
หนึ่งในพวกเรามีคนกลัวความสูงแต่ก็ถูกบังคับให้ขึ้นจนได้ (ฮ่าๆๆ) ที่นี่ก็ใช้โอซาก้าพาส เข้าได้เหมือนกันค่ะ

แต่ที่น่าเสียดายคือ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Osaka Aquarium Kaiyukan
ใช้พาสเข้าไม่ได้ต้องเสียตังเพิ่ม ด้วยความงกจึงไม่เข้าค่ะ
เราจึงกลับที่พักเพื่ออาบน้ำพักผ่อน และจะออกไปหามื้อเย็นทานกัน >__<
มื้อเย็นวันนี้คงหนีไม่พ้นอาหารโอซาก้าอย่าง โอโคโนะมิยากิ
เราเลือกทานที่ร้าน Okonomiyaki Tsuruhashi Fugetsu
ซึ่งใกล้กับทางออกสถานีรถไฟใต้ดิน Namba หรืออยู่ใน Namba Midosuji Grand Building Store (ร้านหายากเหลือเกิน)


อร่อยดีค่ะ >___< โดนค่าเสียหายไปคนละ 830¥ (ถูกกว่ากินที่ไทยอีก TT)
หลังจากทานเสร็จเราก็เดินย่อยไป Dotonbori กันค่ะ

และวันแรกของเราก็จบด้วยอาการ Jet Lag อย่างรุนแรง5555
ค่าใช้จ่ายวันที่ 1
Osaka pass 3000¥
Nankai train from Kansai airport 920¥
Food 2533¥
Total 6453¥
วันนี้ตื่นมาก็พึ่งมื้อเช้าที่ Family Mart ข้างๆสถานี Shin-imamiya เป็น Matcha Latte

และเราก็ออกเดินทางไป Tsutenkaku Tower กัน
เราใช้รถไฟฟ้าเช่นเคย จากสถานี Doubutsumae-eki ไปยัง Ebisucho-eki

ออกที่ประตู 3 ค่ะ ขึ้นมาจะเจอเจ้าตึกนี้เลย
พอชมวิวกันได้สักพัก เราก็เดินลงมาอีกชั้นนึง เป็นชั้นขายของที่ระลึก
และมีกูลิโกะคาเฟ่ด้วย เลยจัดซอฟท์ครีมชอคโกแลตมา 1 โคน >\\\\<
พอทานเสร็จเราก็ไป โอซาก้าโจ หรือ ปราสาทโอซาก้านั่นเองค่า
เราก็นั่งรถไฟเหมือนเดิม ไปลงสถานี Tanimachi 4-Chome
และก็มีคุณลุงใจดีพาวิ่งจากสถานีไปยัง Osaka Jou park ค่ะ
จำได้ว่าเดินผ่าน ตึก NHK ใหญ่มากๆ ก่อนจะข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามก็ถึงแล้ว

พอถึงตัวปราสาทคิวขึ้นลิฟท์ยาวมาก เรายังเป็นวัยใสอยู่ค่ะ
ก็เลยขึ้นบันไดละกัน ซึ่งไม่มีคิวเลย =___= เราเดินกันถึงชั้น 3 ก็พักกันค่ะ
ในตึกจะเป็นพิพิธภัณฑ์ที่บอกความเป็นมาของปราสาทโอซาก้า
จนมาถึงชั้นบนสุด คนเยอะสุดๆไปเลย แต่ลมเย็นดีค่ะ
และเราก็เกิดคำถาม…เดินขึ้นนกันมาทำไมฟ่ะ!!! แค่มาตากลม?
เพื่อนอีกคนจึงซื้อของที่ระลึกชั้นบนเป็นการปลอบใจพวกเราค่ะ
“เราเดินขึ้นมาซื้อพวงกุญแจรูปโอซาก้าโจล่ะแก” =____=
หลังจากใช้พลังงานหนักมาก พวกเราก็เลยจัดทาโกยากิ ของขึ้นชื่ออีกอย่างของเมืองโอซาก้า
แล้วก็เดินทางไปยัง Osaka Museum of Housing and Living
โดยขึ้นรถไฟไปลงที่ สถานี Tenjimbashisuji 6-Chome และออกทางออก 3
ตัวพิพิธภัณฑ์จะอยู่ในตึกที่เราโผล่มาจากสถานีค่ะ ขึ้นไปที่ชั้น 10
เรามาที่นี่เนื่องจากอยากจะลองใส่ชุดยูกาตะ แต่ก็ต้องผิดหวังไป
เพราะบัตรขายหมดไปแล้ว TT เราก็เลยได้แค่เดิมชมภายในพิพิธภัณฑ์ค่ะ
(ถ้าอยากใส่ชุดยูกาตะที่นี่ ควรมาก่อนบ่าย 2 ค่ะ ค่าบัตรราคา 200¥ เท่านั้น TT)
ข้างในพิพิธภัณฑ์จะเป็นตีมบ้านญี่ปุ่นในช่วงสมัยเอโดะของโอซาก้าค่ะ
และระหว่างทางเดินก็จะมีการโชว์การละเล่นญี่ปุ่นด้วย
พอเดินชมเสร็จแล้วเราก็ไป Dotonbori กันค่ะ
เพื่อจะไปขึ้นเรือ Tombori River cruise และหาอะไรทานกัน >___<
เราก็มาลงสถานี Namba เหมือนเมื่อวานนี้ค่ะ
ที่ขึ้นเรือจะอยู่ใกล้ๆร้านราเมงข้อสอบ
โชว์โอซาก้าพาสที่เค้าเตอร์เราก็จะได้บัตรกลับมา เรือจะออกทุกๆครึ่งชม.
และเราก็ไปขึ้นเรือกันคร่าาาา บนเรือมีไกด์อธิบายทุกอย่างตลอดสองข้างทางด้วยค่ะ>____<
แต่…เป็นภาษาญี่ปุ่นหมด ฟังไม่รู้เรื่องเลย =____=
เราใช้เวลา 20 นาที กับการล่องเรือและทักทายผู้คนสองข้างฝั่ง 55555
หลังจากนั้นได้เวลาอาหารเย็นแล้ววว วันนี้เดินเที่ยวจนลืมอาหารไปเลย
เราเลือกกินคัตสึกันค่ะ จำชื่อร้านไม่ได้แล้ว TT หิวมาก เลยเดินเข้าร้านเลย
หลังจากนั้นเราก็เดินช้อปปิ้งตามภาษาสาววัยใส
วันนี้เราตั้งใจจะเข้าร้าน GU (ร้านในเครือของ Uniqlo)
ราคามันช็อคโลกมากค่ะ เสื้อเชิ้ตราคาตัวละ ไม่ถึง 1000¥
เรา 3 คนเลยจัดกันคนละตัวเอาไว้ใส่เป็นเสื้อทีมพรุ่งนี้เลยค่ะ 55555
และก็แวะร้านอื่นเล็กน้อยส่วนใหญ่จะไม่ใช่เราช้อป
จะเป็นเพื่อนเรา 2 คนมากกว่า =____= เดินตั้งแต่1ทุ่ม จน 4 ทุ่ม (กะใช้เงินหมดวันเดียวสินะ)
และวันนี้ก็จบลงค่ะ กินชีสเค้กก่อนนอน ผอมกันดีจริงๆ
ต้องรีบนอน เพราะพรุ่งนี้เราจะไป USJ เล่นควิชดิกซ์ในฮอกวอตกัน>_____<
*** ก่อนนอนเราเดินไปซื้อบัตร Universal Studio Japan ที่ Lawson กันค่ะ
ใกล้ๆเค้าเตอร์จะมีตู้ให้กด แต่เป็นภาษาญี่ปุ่นหมดเลย…
เราเลยให้พนักงานช่วยกดให้ แต่ต้องใส่ชื่อเราเป็นภาษาญี่ปุ่นด้วย
พอซื้อเสร็จก็จะได้ใบสลิปยาวๆมา เอาไปจ่ายที่เค้าเตอร์ ก็จะได้ตั๋วมา หน้าตาแบบนี้ค่ะ
ค่าใช้จ่ายวันที่ 2
Food 2047¥
Shopping 2468¥
USJ Ticket 7200¥
Total 11715¥
วันนี้เราเริ่มออกจากโรงแรมตั้งแต่เวลา 7.30 เพื่อจะไป Universal Studio Japan
เราเดินทางโดยใช้รถไฟ JR จากสถานี Shin-Imamiya ไป Universal studio Japan
โดย Osaka Loop Line ไปยัง สถานี Nishikujo และขึ้น Yumesaki Line ไป สถานี Universalcity
วันนี้วันจันทร์ และเป็นช่วงเวลาเร่งด่วนพอดี ไม่ต้องนึกถึงความแน่นของรถไฟเลยค่ะ *____*
นั่งไปสักประมาณ 30 นาทีเราก็จะถึงUSJ กันค่ะ ระหว่างทางเดินเข้าก็มีร้านเยอะแยะไปหมด
แต่ปิดอยู่ค่ะ เราก็รีบไปที่ทางเข้า คิวยาวและร้อนมาก อากาศวันนี้ประมาณ 32°C รอสักพักก็ได้เข้าค่า
จากที่เคยอ่านรีวิว USJ ในพันทิปหลายครั้ง จะบอกให้รีบเข้าไปกด Harry potter ก่อน
เราจึงตรงไปที่กดตั๋วกันค่ะ คิวยาวอีกเช่นเคย เรากดได้ตั๋วเวลา 10.00
เราต้องรอประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ถึงจะได้เข้าไป
ระหว่างรอ เพื่อนเราคนนึงไปเจอกระติกป้อปคอร์น Minion เลยฆ่าเวลา 1ชม.ครึ่ง
ด้วยการต่อคิวซื้อป้อปคอร์น ส่วนเราเลยเสียสละวิ่งไปกดคิว Attract on Titan คนเดียว
แต่…มันไม่ง่ายเลย คิวตรงนั้นก็ยาวมาก และคาดว่าจะรอเกิน 1ชั่วโมงครึ่ง
จึงตัดสินใจกลับมากดตั๋วน้อง Snoopy flying ตรงโซน wonderland >____< เวลา 13.00 (มาแย่งเด็กเล่น 5555)
พอได้กระติกป้อปคอร์นก็ถึงเวลาเข้า Harry Potter พอดี (คิวซื้อป้อปคอร์นยาวมากจริงๆ)
ระหว่างทางเข้าก็แบบตื่นเต้นกันมากก 5555

และก็ไปต่อคิวเล่นHarry Potter and the Forbidden Journey in 4K3D มีแค่เรากับเพื่อนอีกคนเล่นเครื่องเล่นอันนี้
แต่เพื่อนอีกคนซึ่งกลัวความสูงและมีน้องminion เป็นเพื่อนเล่นอยู่ ไม่ยอมเข้าไปเล่น
นางจึงรออยู่ข้างนอก (โดยหารู้ไม่ว่านางจะรอพวกเราอย่างยาวนานมาก)
เราใช้เวลารอคิว ประมาณ 2ชม. และได้เล่นประมาณ 7นาที *_____* แต่สนุกดีค่ะ >____< ชอบบบบ
เสร็จจาก Harry Potter เราก็ตรงไปหาอะไรทานกันค่ะ >_____~
เราเลือกไปทาน Food center ตรงหน้า Wonderland ตรงข้ามกับ Snoopy flyer
เพราะ อยากจะกิน ซาลาเปาสนุ้ปปี้ล่ะค่า (เหตุผลอีกประการของเราที่อยากมา USJ 5555)
มื้อกลางวันวันนี้ ลืมรสชาติไปเลยค่ะ เอาความฟินเป็นหลัก (แล้วบังคับเพื่อนมาฟินด้วย5555)
หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จ ก็ไปเล่น Snoopy flyer กัน >_____<
เราได้เข้าคิวฝั่งที่กดตั๋วไว้แล้ว เลยได้แย่งน้องๆตัวเล็กเล่นก่อน (ไม่ละอายใจสักนิด5555)
Snoopy Flyer ฟินนนนนมากกกกก น่ารักมาก >______<
หลังจากเล่นเสร็จก็มาถ่ายรูปกับซุปเปอร์สตาร์ก่อน
ภายในร้านขายของ Snoopy Snoopy และ Snoopy >_____<
เรานี่ฟินคนเดียวไม่สนใจใครทั้งนั้นค่าาา 5555 (ถลุงเงินอันน้อยนิดของฉันไปแล้ววว)
หลังจากนั้นเราก็ตั้งใจเดินไปกดคิว Attract on Titan
แต่เค้าเริ่มเปิดให้บริการอีกที 5โมงครึ่ง เซ็งกันไปเลยค่ะ( ̄^ ̄)ゞ
เราจึงเดินไปดูพาเพื่อนอีกคนไปที่Minion shop เพื่อให้นางมีความสุขอยู่ตรงนั้น
เราทิ้งนางและไปเล่น Spiderman 3D กัน (นี่มันทริปทิ้งเพื่อนชัดๆ~__~)
ใช้เวลารอคิว 1ชั่วโมงนิดๆ เราชอบมากกกค่า คล้ายๆกับ Transformer ของ USS บรรยากาศเดียวกัน
ข้อมูล The Amazing Adventures of Spider-Man – The Ride 4K3D: https://www.usj.co.jp/e/attraction/spm.html
และเราก็พาเพื่อนกับน้องMinion น้อยไปยังWonderland โซนมุ้งมิ้งอีกครั้ง
พาไปเล่นม้าหมุน กับบ้านHello Kitty =____= (ทริปแย่งของเด็กเล่น>\\\\<)

ก่อนจะกลับไปรอ Attract on Titan (จริงๆอยากจะไปสัมผัส Evangelion 4Dมากกว่า~__~)
เรารอคิวกันเป็นเวลานานพอสมควร ระหว่างทางก็ดูป้ายคำเตือนก่อนเข้าไปเล่น
ห้ามสารพัดอย่างจริงๆ (คาดหวังแรงมาก) จนในที่สุดก็ได้เข้าไป … และหลังจากออกมา
“คือที่บ้านแกไม่มียูทูปเหรอฟ่ะ?!!!” เราถามเพื่อนคนนึงที่อยากเข้ามากแทบขาดใจ (ผิดหวังเล็กน้อยTT)
เหมือนเดินเข้าไปดูการ์ตูนที่เคยดูแล้ว กับมีหุ่นโชว์เล็กน้อย 5555555 (เพื่อนนี่เฟลเลยค่า)
พอเฟลกันอย่างเต็มที่ พวกเราก็เดินทางกลับโรงแรม อารมณ์เศร้านิดๆ (โถถถถ Titan ตรู5555)
ก่อนจะแวะซื้อเบนโตะที่ Lawson เป็นอาหารเย็น
ค่าใช้จ่ายวันที่ 3
Food 2365¥
JR. 180¥
USJ Souvenirs 2170¥
Totally 4715¥
วันนี้เราจะต้องบอกลาโอซาก้า และ Shin-Imamiya แห่งนี้แล้ว
วันนี้เราเริ่มออกเดินทาง 11โมง เพราะรอให้ผ่านพ้นช่วง rush hour กัน (ช่วง rush hour 6.00-10.00)
เราเลือกใช้ JR rapid เดินทางไปยังสถานี Kyoto ค่ะ ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. นิด จากสถานีShin-Imamiya


จากสถานีKyoto เราสามารถขึ้นรสบัสสาย 205 ไปโฮสเทลซึ่งอยู่ที่ป้าย Kyoto Suisokukan
โดยใช้ One Day bus pass 500¥ กดซื้อจากตู้ที่ป้ายรถเมล์ได้ค่ะ

ตามเว็บไซด์โรงแรมระบุไว้ว่า 10 นาทีถึง แต่เรานั่งคันนี้ไปกว่า 1 ชม. ก็ยังไม่ถึงสักที
(~___~ หลงทางกันเข้าแล้วค่ะ) เราเลยตัดสินใจถามคนข้างๆว่าไปKyoto Suisokukan มั้ย
ซึ่งคำตอบคือผ่านแต่เกือบสุดสาย…เรานั่งรถเมล์ผิดฝั่งกันค่ะ =___= เอาสะรอบเมืองเกียวโต ผ่านทุกวัดเลยจริงๆ
เราใช้เวลาบนรถบัสเกือบ 2ชม. กว่าจะถึงป้าย Kyoto Suisokukan
และเดินเข้าโรงแรมซึ่งอยู่ในซอยไม่ไกลจากป้ายรถเมล์
พอเชคอินเสร็จเราก็ออกมาทานแกงกะหรี่ร้านใกล้ๆโรงแรมค่ะ ร้านCali Cali

ก่อนจะเดินไปขึ้นรถบัสไปวัดคินคะคุจิ (金閣寺) แล้วเราก็ถึงวัดค่ะ
มีป้ายบอกว่าเดินไปทางไหนตลอด ค่าเข้าวัดคนละ 300¥

ชมความงามของวัดคินคะคุจิเสร็จ ก็เป็นเวลา 5โมงเย็นแล้ว
วันนี้เราคงไปไหนไม่ได้นอกจากที่นี่ เพราะวัดอื่นๆก็ปิดกันหมด TT

เราจึงกลับไปสถานีเกียวโตกัน เพื่อไปหาอะไรทาน ที่สถานีเกียวโตจะมีห้างIsetan
เราแยกกับเพื่อนไปนั่งทาน ข้าวห่อไข่แกงกะหรี่ ในโซนอาหารของ Isetan ค่ะ
เบนโตะในซุปเปอร์ของIsetan มันน่ากินมาก
แถมมาตอนช่วงเย็นนี่ลดราคาไปครึ่งนึง >\\< ฟินไปเลยยค่ะ
(ถ่ายรูปไม่ไหว มือสั่นไปหมดเลยค่ะ55555)
และวันนี้คงเป็นวันที่เฟลสุดๆของเราจริงๆTT
เราทำพาสรถบัสหาย (ฮือๆๆๆ อะไรฟ่ะเนี่ย)
เราเลยตัดสินใจจะเดินกลับโฮสเทลคนเดียว เพราะจะหาซอฟท์ครีมกินระหว่างทางด้วย
(เราเหมือนเด็กๆอ่าคะ เวลาอารมณ์ไม่ดี ขอไอติมหน่อยได้มั้ย!!555)
แต่เพื่อนเราอีก 2 คน นางเป็นคนรักเรามาก 5555 นางจะเดินกลับด้วย

ค่าใช้จ่ายวันที่ 4
Food 2050¥
Train from Shin-Imamiya-Kyoto 920¥
Kyoto city buss pass 500¥
Kinkakuji entrance fee 300¥
Hostel 3960¥
Total 7830¥
ชื่อ Part น่าจะ Slow แต่เราออกกันอย่าง Fast มาก เนื่องจากเมื่อวานเฟลรุนแรง
เราออกจากโรงแรม 8โมง ไปยังสถานีเกียวโตเพื่อที่จะไปเปิด JR pass กันค่ะ
ตั้งแต่วันนี้เราจะใช้ JR pass กันแล้ว ^^
แค่ยื่นตั๋วที่ได้มาจากไทย โชว์พร้อมพาสปอร์ตเราก็จะได้สิ่งนั้นมาค่ะ
และเราก็จองที่นั่งชินคันเซนไปโตเกียวสำหรับพรุ่งนี้พร้อมกันเลย >||||<
(ชินคันเซนเป็นรถไฟชนิดต้องมีการบุ้คที่นั่งนะค่ะ)
เรานั่ง JR Rapid ไปยังสถานี Saga Arashiyama ใช้เวลาประมาณ 40 นาที
วันนี้พวกเราตั้งใจจะนั่ง Sagano Torokko กัน แต่… รถไฟปิดให้บริการทุกวันพุธค่ะ
(อะไรจะโชคร้ายขนาดนี้ฟ่ะเนี่ย!!!!)

เราเดินออกจากสถานี Saga Arashiyama จะมีป้ายเขียน Bamboo forest เราก็เดินไปตามป้ายกันค่ะ
มาเจอร้านเล็กหน้าทางเข้าป่าไผ่ ขอจัดกันหน่อยล่ะกัน

อิ่มกันแล้วก็ขอชื่นชมบรรยากาศป่าไผ่กันหน่อย
เราเดินกันไปเรื่อยเปื่อยก็จะเจอศาลเจ้าเล็กๆ
และทางเดินไปแม่น้ำ Hozugawa ที่แม่น้ำนี่เค้ามีให้ล่องเรือด้วย ราคา 4100¥ ต่อคนเอง (คราวหน้าละกัน=__=ครั้งนี้ทริปยาจก)

เดินไปใกล้สะพานTogetsukyo จะเจอร้านขายของเยอะแยะมากมาย =____=
และเพื่อนเรามันก็ช้อปปิ้งกันอีกรอบค่ะ
ก่อนจะเดินกลับมาที่สถานี Arashiyama Saga ขึ้น JR กลับไปเกียวโต
และนั่ง Nara Line ไปสถานี Uji กันค่ะ จุดประสงค์ที่เราไป Uji เพราะ Uji เป็นเมืองชาเขียว
ที่ไทยเราก็จะเห็นกันบ่อยๆ Uji Matcha ซึ่ง Matcha มันต้องมาจาก Ujiนะถึงจะ Good quality =____=
ด้วยความบ้าจึงนั่งรถไฟไป เพื่อจะไปกิน Original green tea from Uji ค่ะ 55555
วันนี้เรามีเป้าหมายที่ร้าน Nakamura Tokichi Honten ซึ่งร้านนี้มีหลายสาขาในญี่ปุ่นค่ะ
(แต่ที่นี่มันเป็นสาขาแรกและสาขาหลักนะ 55555)

จากข้างต้นที่นี่มันเป็นสาขาแรกของร้านชาเขียวอันเลื่องชื่อ คิวจึงยาวมากกกก เราได้คิวที่ประมาณ100 กว่า (นี่ขนาดมาหลังร้านเปิด40 นาที) พนักงานบอกว่าคงประมาณ 1ชม.-2ชม.จะถึงคิว เราก็เลยเดินออกไปช้อปปิ้งชาเขียวกันหน่อย

เดินเล่นกันสักพัก เราก็วิ่งกลับไปที่ร้าน แต่ทว่ามันเลยคิวเราไปแล้ว5555 *____*
ก็เลยนั่งรอคิวกันใหม่ นั่งหลับ นั่งรอกันไปจนถึงคิว
เราก็สั่งของหวานมา 3 อย่าง จริงๆที่ร้านมีขายโซบะชาเขียวด้วย แต่เราอิ่มกันเกินไปแล้ว 55555
โอ้ยยยยย กินแล้วบินได้ ไอติมชาเขียวมากมาย
ที่นี่เค้ามีโฮจิชะเสริฟให้ด้วยนะค่ะ >_____< อร่อยทุกอย่างเลย ค่าเสียหายคนละ 787¥ เท่านั้น
ได้เวลาเดินทางกลับล่ะคะ เราก็นั่งรถไฟ Nara Line ไป
สถานีเกียวโตเหมือนเดิม ผ่าน Fushimi Inari ด้วย แต่ไม่ได้แวะไปTT เพราะฝนตกหนักมาก
วันนี้มื้อเย็นของเราจะฝากไว้ที่ Gion ค่ะ เรานั่งรสบัสจากหน้าสถานีเกียวโตไป Gion
ก่อนจะทานมื้อเย็นขอไปส่องเกอิชากันหน่อย

เราจึงข้ามไปอีกฝั่งของGion ไปทานอาหารจีนที่ดูราคาจะพอเป็นไปได้สำหรับเราสามคนในย่านนี้ 555
โดยรวมรสชาติอร่อย ราคาถูก ข้าวผัดชาหั่งนี่มันไทยมาก>___< 5555
และทริปเกียวโตของเราก็จบลง 5555 พรุ่งนี้จะได้ไปเมืองหลวงกันแล้ว >___< ตื่นเต้น ตื่นเต้น
ค่าใช้จ่ายวันที่ 5
Food 2603¥
Kyoto City bus pass 500¥
Souvenir 2222¥
Total 5325¥
ได้เวลาไปโตเกียวล่ะสิ~
ได้เวลาไปโตเกียวล่ะสื~
แหม~เรานี่ตื้นเต้นมากค่ะ >\\\< โตเกียวรอเราก่อนน้า~
เราบุ้คที่นั่งไว้ตั้งเมื่อวานแล้ว เราจะออกจากเกียวโต 9.33 และถึงShinagawa ประมาณ 12.00

เรามาถึงสถานีเกียวโต 8.30 มาถึงเร็วหน่อยเพราะตั้งใจจะส่งพัสดุให้เพื่อนค่ะ
ไปรษณีย์จะอยู่ข้างนอกสถานีเกียวโตฝั่งเดียวกับ Lawson และ Isetan ค่ะ
เผื่อใครอยากส่งพัสดุ หรือโปสการ์ดมาได้เลยค่ะ
พอส่งของให้เพื่อนเรียบร้อย เราก็เข้าสถานีกันค่ะ
เข้าไปข้างในจะมีป้ายบอกทางเข้าของสถานีชินคันเซน ซึ่งเราต้องโชว์บัตรอีกรอบค่ะ
(ไม่เสียบบัตรเข้าไปนะค่ะ) และดูขบวนที่ตั๋วเลยค่ะ เพื่อจะหาว่าเราขึ้น track ไหน ของเราขบวน Hikari 514
วันนี้มื้อเช้าของพวกเราต้องเป็น Eki ben หรือข้าวกล่องสถานีรถไฟ
ซึ่งแต่ละสถานีจะไม่เหมือนกัน >____< เราก็จัดการซื้อ เดี๋ยวจะไปกินบนรถไฟล่ะ

และพอถึงเวลา 9.33 รถไฟขบวนของเราก็มาตรงเวลาเปะค่ะ



รถไฟจอดประมาณ 3สถานีจากเกียวโต สถานีที่ 4 ก็เป็นของพวกเราค่ะ Shinagawa ^^
จาก Shinagawa เราต้องเปลี่ยนรถไฟขึ้น Keikyu line ไปสถานี Aomono-Yokocho
ที่ตั้งของโรงแรมเรานั่นเอง แต่สถานี Shinagawa มันใหญ่ไปมั้ย 55555 (เดินหลงอีกจนได้)
แต่ก็หาเจอคร่า ออกมาหน้าสถานีเราก็ซื้อบัตร Suica เพื่อเอาไว้ใช้กับKeikyu
และรถอื่นๆที่นอกเหนือจากJR แต่เราก็ยังใช้ JR เป็นหลักค่ะ
จากสถานี Shinagawa ไปสถานี Aomono-Yokocho แค่ 4 สถานีเท่านั้น
จาก Aomono-Yokocho เดินไปโรงแรมได้ค่ะ ตลอดทางเดิน
ร้านอาหารเยอะมาก KFC,Mos Burgur และ อาหารญี่ปุ่นทั้งหลาย
และเราก็มาถึงโรงแรม (ทุลักทุเลมาก แค่ของเราก็กระเป๋า 4 ใบล่ะ5555)
ชอบโรงแรมนี้มากค่ะ สะอาด รีเซฟชั่นใจดีมาก พูดไทยใส่ด้วย 5555 ถึงห้องจะเล็ก แต่เราให้ 10 คะแนนค่ะ 55555
มื้อกลางวันของเราวันนี้ก็ขอกินแถวๆโรงแรมล่ะกัน เลยจัด KFC กันมาชุดนึง

พอทานเสร็จเราก็กลับมาพักผ่อนที่ห้อง วันนี้มื้อเย็นเราจะแยกกับเพื่อนค่ะ
เพราะเรามีนัดกับเพื่อนคนญี่ปุ่นที่ Yokohama ^^เวลา 6โมงเย็น
ส่วนเพื่อนเราสองคนมีแพลนจะไปจับจากูปองกันที่ Akihabara
ประมาณ 5โมงเย็นเราก็ออกจาก Aomono-Yokocho ไป Shinagawa โดย Keikyu Line
ก่อนจะเปลี่ยนมาขึ้น JR Tokaido Line ไป สถานี Yokohama และ เปลี่ยนขึ้น Negishi Line ลงที่ Sakuragicho
มาถึงเพื่อนเราก็มายืนรออยู่แล้ว 555 คนญี่ปุ่นเป็นคนตรงเวลามากคร่า (เมื่อเวลาเค้าอยู่ที่ญี่ปุ่นนะ)
พอออกจากสถานีเพิ่งจะรู้ว่าที่นี่คือ Minato Mirai นี่เอง

เพื่อนเราเดินพาเราไปกินมื้อเย็นที่World porters ห้างที่อยู่อีกฝั่งของสถานี และLandmark Tower ค่ะ
ตลอดทางเดินนี่มีแต่คนมาเป็นคู่สวีทกันมุ้งมิ้งมากค่า เห็นแล้วคนโสดอย่างเราหัวใจจะวายตาย
(ดีนะไม่ได้มาคนเดียว5555) เพื่อนก็พาเข้าร้านบุฟเฟ่ร้านหนึ่ง
เป็นบุฟเฟ่อาหารอิตาเลี่ยนค่ะ ทานได้ประมาณ 2 ชั่วโมง มีของหวานด้วย
ไม่ได้ถ่ายร้านเลย กินอย่างเดียวค่ะ (กินไม่หยุดด้วย5555)
จากที่นั่งจะเห็นวิว Minato Mirai หมดเลยค่ะ ^^ (มัน Romantic มากอ่า… พิมพ์ไปด้วย เขิลไปด้วย555)


พอทานเสร็จแล้วก็เป็นเวลา 3 ทุ่ม จริงๆวันนี้เราวางแผนจะไปซื้อเค้กที่Moo Min Cafe
มาเซอร์ไพส์เพื่อนตอนเที่ยงคืน เนื่องจากพรุ่งนี้วันเกิดนาง แต่…ร้านปิด 4ทุ่ม ไม่ทันแล้วค่าา
เพื่อนก็พาเดินเล่นรอบๆอ่าวค่ะ(หาร้านเค้กด้วย) อากาศหนาวมาก 19°C =___= ใส่ขาสั้นอีก



หลังจากเดินเล่นฆ่าเวลาและหาเค้ก(ที่ไม่มีท่าทีว่าจะมี…) ก็เป็นเวลา 4ทุ่มครึ่ง
เราจึงแยกกับเพื่อนที่สถานี Yokohama (เพื่อนเราอยู่ Yokosuka ไปคนละทาง)
กลับมา Shinagawa แต่ก็หาเค้กไม่ได้ เดินหาแทบจะร้องไห้ค่ะ
จนเราตัดใจกลับมาแถวโรงแรม แวะ7-11 ซื้อ Onnigiri ข้าวปั้นญี่ปุ่น 1 กล่อง เทียน 1 กล่อง 55555
พอถึงโรงแรม 5ทุ่มครึ่ง เปิดเน็ตโทรศัพท์ดู มันเป็นห่วงเรามากที่ไม่ถึงโรงแรมสักที55555 (จริงๆนั่งรอจนเที่ยงคืนจะขึ้นไป)
รีเซฟชั่นโรงแรมก็มาช่วยเราจุดเทียน เค้ก Onnigiri (อายจัง ~\\~) ก่อนเราจะขึ้นไปเซอร์ไพส์เพื่อนรักในห้อง 555555

และวันนี้ก็จบลง พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันของเพื่อนเราซึ่งเกิดวันนี้ นางอยากไป Enoshima ก็จัดให้เลย
ตอนต่อไป … Enoshima Kamakura ค่า
ค่าใช้จ่ายวันที่ 6
Food 1134¥ (มื้อเย็นฟรี555)
Suica 1500¥
Bus from hostel to Kyoto station 230¥
Total 2864¥
อันนี้เป็นภาพบรรยากาศของฝั่งเพื่อนที่ Akihabara ค่ะ
ชื่อ part moo min day เพราะ เพื่อนเราที่เกิดวันนี้ ชื่อคล้ายๆ Moo Min 555
จริงๆนางไม่ได้ชอบ Moo Minหรอกนะ
แพลนของเราวันนี้คือ Enoshima และ Kamakura ค่ะ
โดยจะมีผู้ร่วมทริปเพิ่มอีกคน คือเพื่อนคนญี่ปุ่นที่มาจาก Okinawa
(Tripในโตเกียวนี่เป็นทริปรวมญาติของเราค่ะ5555)
แต่วันนี้ตัวเราเอง ก็มีเพื่อนจาก Yamagata ลงมา Tokyo
แล้วฮีนัดเราเจอที่สถานี โตเกียวตอน 7โมงเช้า
หลังจากนั้นฮีก็จะรีบบึ่งไปนาริตะตอน 8โมง เพื่อบินไปหาแฟนฮีที่แคนดา (*____* อิจฉาโว้ยยยย)
ก็เลยมาแวะทักทายกันหน่อยไม่ได้เจอนานแล้ววว
แล้วเราก็นัดเจอเพื่อนเราทั้ง 2คน และเพื่อนโอกินาว่าที่ สถานี Fujisawa เวลา 9โมงค่ะ
แต่ชีวิตที่ต้องออกมาขึ้นรถไฟในโตเกียวเวลา 6.30 นี่มันไม่สนุกเลยนะค่ะ
อยากจะกรี้ดลั่น แทบจะโดนเหยียบตาย 5555
Rush hour ของ โตเกียวนี่ลืม โอซาก้ากับเกียวโตไปเลยค่ะ

และก็มาเจอเพื่อนที่สถานี โตเกียว ซึ่งเป็นสถานีเก่าแก่ ตึกเก่า ภายในก็เก่าค่ะ
เดินสักพักเราก็แยกกับเพื่อน 8โมงเปะ แอบจะร้องไห้นิดนึง นานๆเจอที เจอแปปเดียว
จากสถานีโตเกียวเราก็นั่งสาย Tokaidoไป Fujisawa ใช้เวลาประมาณ 40นาทีค่ะก็ถึง
พอถึงสถานี Fujisawa เราก็รีบหาwifi connect ระหว่างเดินหาwifi ก็เจอเพื่อนOkinawa
นางยืนรออยู่ค่ะ แต่ไอเพื่อนเรา 2 ตัวมันอยู่ไหนเนี่ย เราเลยพยายามต่อ Wifi และเปิด Line ดู
แชทกลุ่มเด้งขึ้น พร้อมคำถาม
“แกไป Fujisawa ขึ้นสายไหน” เวลา 8.58
=______= นั่นหมายความว่า 8.58 มันยังอยู่โรงแรมกันค่ะ เพราะมันใช้Wifi ได้
เรานี่แบบเซ็งมาก ยืนรอกับเพื่อนสองคนประมาณ 30นาที
ฝนตกหนักมาก หิวก็หิว เลยไปหาอะไรกินแถวๆสถานีกันค่ะ


กินประมาณ 40 นาที เราก็เดินกลับมาที่สถานีค่ะ และยืนรอกันจนถึงประมาณ 12.00
เพื่อนคนโอกินาว่าเราก็ =____= ไปกันเถอะ รอไม่ไหวแล้ว รอกันทั้งวันไม่ได้ทำอะไรแน่เลย …
เห้อ ไม่มีทางเลือก ไอเราก็เกรงใจเพื่อนญี่ปุ่นเรา เลยตัดสินใจไป Enoshima โดยทิ้งเมสเสจไว้ในไลน์ให้พวกมัน 2 ตัว
“เนื่องจากพวกแกสายเกินไป ฉันจะไม่รอแล้ว บาย”
(เด็กเอกญี่ปุ่นมาสาย น่าเฆี่ยนมากบอกเลย =___=)
เราใช้ Enoden ในการเดินทางจาก Fujisawa ไป Enoshima และ Enoshima ไป Hase และ Hase ไป Kamakura
เราเลยซื้อ Enoden 1 day Pass ราคา


และเราก็มาถึง Enoshimaค่ะ ฝนตกหนักพอสมควร แต่เนื่องจากไม่มีเพื่อน 2 ตัวอยู่ด้วย (ความกลัวเปียกจึงหายไป)
เราเลยหันไปถามเพื่อนญี่ปุ่น “ใจป่าว? ไปป่ะละ” นางก็ ” Ok desu ikou~~ let’s go! ” แล้วก็เดินจากสถานีไปเกาะกันค่ะ

หาดบ้านเค้าเป็นแบบนี้ คนOkinawa กับคนไทย มองหน้ากันก่อนจะ ยี๋~ 55555
(แต่ก็มีคนกำลังว่ายน้ำในเวลานี้)
“คนญี่ปุ่นก็บ้าแบบนี้ล่ะ” เพื่อนได้กล่าวไว้555





ที่นี่มีบริการให้ขึ้นลิฟท์เพื่อขึ้นไปข้างบน ค่าขึ้น 1000 ¥
แต่…เราเป็นวัยใสค่ะ เลยตัดสินใจเดินกันเถอะ เดินกันเถอะ (จริงๆเราตัดสินใจคนเดียว555)



แล้วเราก็ลองเดินขึ้นไปอีกทาง


หลังจากนั้นเราก็เดินลงมา เพื่อที่จะไป Daibutsu ค่ะ
แต่ Enoden pass ของเราหาย!!! (โถว่ ชีวิตเศร้ามาก)
หลังจากคำนวนว่าซื้อพาสใหม่ หรือไม่ซื้อแบบไหนคุ้มกว่ากัน
สรุปคือ ซื้อพาสใหม่คุ้มกว่า เลยจัดการซื้อใหม่…
ระหว่างกำลังจะเดินขึ้นรถไฟ ก็มีมนุษย์ไทย 2ตัว วิ่งเข้ามากอด
“เจอแกแล้ว!!!!!” ในที่สุดก็เจอพวกมัน 2 ตัวแล้ว
คำแรกที่เราพูด แน่นอนคงไม่ใช่…
“แกโอเคป่าว…เป็นไงว่ะ” แต่เป็น…
“นัดกี่โมงว่ะ??!!!! แม่มมมมยืนรอ 2 ชั่วโมง คือไร!!!”
นี่ปี้ดดดดด คือมันเพิ่งมาถึง Enoshima
เราก็เอิ่ม… นี่เดินลุยฝน ข้ามเขาทั้งลูกกันมาเสร็จแล้ว
วันนี้…ตามใจฉันนะ วันเกิดใครไม่สนใจล่ะเฟ้ยยย 5555 (โหมดเอาแต่ใจตัวเองกลับมาอีกรอบ)
แพลนใหม่ของเราจะนั่งรถไฟไป Hase กับ Kamakura
แล้วเราจะกลับมา Enoshima อีกครั้งสำหรับมื้อเย็น แล้วเราก็ออกเดินทางแบบครบแก้งค์อีกครั้ง ^^

แล้วเราก็ถึง สถานี Hase ค่ะ จากสถานีไม่ไกล Daibutsu สามารถเดินได้ ระหว่างทางเดินก็มีของขายเยอะมาก >\\\\<






เราก็ไป Kamakura กันต่อค่ะ ใช้ Enoden เหมือนเดิม

และเราก็หาที่นั่งพักกันสักหน่อยค่ะ เราเลือกคาเฟ่ร้านนึงในถนน



พอออกจากร้านเราก็จัด ซอฟท์ครีมมันม่วง (ของขึ้นชื่อ Kamakura เค้าบอกมา555)

หลังจากกินของหวานที่Kamakura และชอปปิ้ง เสร็จ เราก็นั่งรถไฟกลับไป Enoshima ค่ะ

เพื่อนเราผู้เป็นเจ้าของวันเกิด นางเป็นแฟนอะนิเมะเรื่อง Tsuritama
ซึ่งตัวเอกเป็น มนุษย์ต่างดาว มาอยู่ที่ Enoshima เพื่อนเราเลยมีความฝัน
“ฉันอยากจะมาเหยียบเกาะที่มนุษย์ต่างดาวเคยอยู่จริงๆ555”
แล้วนางก็อยากกินปลาชิราสุ ตัวน้อย วันนี้เลยจัดสิ่งนั้นให้นางค่า


เห็นจากการกินคงจะคิดว่าเราอิ่มแล้ว… ใช่ค่ะ อิ่มมาก แต่ยังไม่จบนะ 5555
เรานั่งEnoden กลับไป Fujisawa เรานั่ง JR จาก Fujisawa ไปสถานี shinagawa โดย Tokaido Line
เหมือนตอนเช้าค่ะ แต่เพื่อนคนOkinawa เราจะนั่งไปถึงบ้านเลย เราจึงแยกกันที่สถานี Shinagawa ค่ะ
วันนี้ วัน Moo min day แน่นอนเราตั้งใจจะไป Moo Min Cafe กันค่า>\\\<
เราเลือกไปสาขาที่อยู่ Tokyo dome city Laqua
เราเปลี่ยนไปขึ้น Keihintohoku Line ไปยัง สถานีKanda
ก่อนจะเปลี่ยนไป Chuo Line แล้วลงที่สถานี Suidobashi
เราออกประตูที่มีเขียนว่าไป Tokyo Dome ได้ ออกมาจะเจอ Sukiya อยู่ตรงข้าม
ให้เดินไปทางซ้าย (ในกรณีที่หันหน้าให้ Sukiya) แล้วเดินตรงไปเรื่อยๆข้ามประมาณ 2 แยก จะเจอ Laqua ค่ะ
แต่ถ้าง่ายกว่านี้ ขึ้นMetro มาลงสถานี Korakuen ได้นะค่ะ (ขึ้นมาจากสถานีจะเจอเลย)
เดินเข้าไปข้างในตึกนะค่ะ จะเจอ Moo Min Cafe ค่ะ

เราสั่งขนมกันสามจาน



เราเลือกลายที่โรยผงชอคโกแลตได้ด้วยนะค่ะ แล้วในร้านจะมีพนักงานคอยเปลี่ยนตุ้กตามานั่งด้วย




คราวนี้อิ่มจริงๆค่ะ อิ่มมากเกินไป 5555 และวันนี้ก็จบลง ถึงโรงแรมเที่ยงคืนเป้ะ ช่างเป็นวันที่ยาวนานมากจริงๆค่ะ แต่สนุกมาก
พรุ่งนี้เราจะไปทัวร์โตเกียวกันแล้ว>__<
ค่าใช้จ่ายวันที่ 7
Food 3717¥
Enoden 1200¥ (600/1 pass)
Daibutsu entrance fee 200¥
Total 5117¥
O HA YO!!!!
วันนี้ตื่นมาได้ทานอาหารเช้าของโรมแรมแล้ว~ เมื่อวานออกเช้าไป 5555 >____<

วันนี้น้อง Moo Min ของเราจะไปเป็นติ่งน้อยๆที่ Odaiba
ทิ้งเรากับเพื่อนสองคนไปทัวร์โตเกียว และเราก็จะนัดเจอกันที่ Harajuku
หลังจากที่นางติ่งเสร็จ (ภาวนาให้ไม่เป็นแบบเมื่อวานอีก)
หลังจากทานอาหารเช้าที่โรงแรมเสร็จเราก็มุ่งหน้าสู่ Asakusa station (JR ไม่ถึงนะค่ะ)
ต้องเปลี่ยนมาขึ้น Metro Line ที่ สถานี Ueno ค่ะ
ที่สถานี Asakusa แห่งนี้ แน่นอนว่าเรามา วัดSensoji Landmark อย่างหนึ่งของ Tokyo ค่ะ




กว่าเราจะหลุดพ้นย่านที่ขายของก็เป็นชั่วโมงค่ะ มีแต่ของน่ากิน น่าซื้อทั้งนั้น 5555
เดินกันสักพักก็หิวอีกแล้ว มาถึงย่านAsakusa แห่งนี้ เราก็คงต้องกิน เทมปุระกันหน่อยค่ะ (มีคนเค้าบอกมา555)
เราเดินหาร้านกันพักหนึ่งก่อนจะเลือกเข้าร้านหนึ่งใกล้ๆวัด ราคาจับต้องได้สำหรับนักท่องเที่ยวยาจกอย่างเรา

เราสั่งเซท อุด้ง กับ เทมปุระด้งมาค่ะ


เซทนึงทานได้ 2 คนสบายๆค่ะ สำหรับบุคคลที่เน้นของหวานหนักๆอย่างเราสองคน5555
เมื่อมื้อกลางวันของเราจบลง เราก็รีบตรงไป Harajuku ค่ะ
เพราะนัดเพื่อนคนญี่ปุ่นไว้ที่นั่น ชีจะพาเราเดินดูของตามภาษาผู้หญิงญี่ปุ่นค่ะ ^^
เรามาสาย 20 นาที รู้สึกผิดมาก เพื่อนยืนรออยู่นานเลย (ดีกว่า 2 ชั่วโมง)
ถึงแล้ว Harajuku

มา Harajuku ต้องกินเครปนะ (อันนี้ก็มีคนเค้าบอกมา)
ร้านเครปเยอะไปหมด ไม่รู้จะเอาร้านไหน คนบอกก็ไม่บอกร้าน555
สรุปได้ร้านนี้


ถนน Takeshita เราว่าอารมณ์แบบเสื้อผ้าไม่ถูกเลยนะเนี่ย
มองกระเป๋าตังค์ก็ เห้อ~จนจริงๆเลยฉันเนี่ย เลยบอกเพื่อน พาไป Snoopy หน่อยน้า~ 5555

แล้วเราก็ถึงแล้ว…ที่นี่คือ Kitty World ค่ะ แต่เราสนใจชั้น Snoopy เท่านั้น
เดินชม ช้อปได้สักพัก ก่อนที่จะหมดตัว น้องMoo Min
เพื่อนติ่งน้อยของเราก็ไลน์มาบอกเพื่อนคนญี่ปุ่นเราว่า
“ฉันอยู่ที่ Shinjuku ตอนนี้” เราก็แบบ…ตูนัดที่ Harajuku ป่ะว่ะ!!!!
เรา : “Let’s go Shinjuku”
เพื่อนคนญี่ปุ่น : “How do you want to go by?”
เรา : “Usually when you go to Shinjuku from here, how can you go?”
เพื่อนคนญี่ปุ่น : “Walk!”
เรา : “Do you want to walk?” (ไม่น่าถามคำถามนี้เลย)
“Hai!!!”
ไอเราก็ไม่รู้ว่า Shinjuku กับ Harajuku มันห่างไกลขนาดไหน
แต่รู้ว่า มันแค่สถานีรถไฟเองเดียว ก็เลยเดินตามเพื่อน…
เป็นการเดินที่รู้สึกไร้เป้าหมายมาก มีแต่ตึกกับตึก แล้วไม่ถึงสักที55555
เพื่อนเราก็พูดตลอดทาง “ไม่ไกลหรอก นิดเดียว” อย่าได้เชื่อคนญี่ปุ่น
ที่บอกไม่ไกล มันไกลโฮกกกก แต่อากาศดี และเราก็ชอบเดินเลยไม่เป็นไร ^^

เดินกันได้น่าจะ 1 ชั่วโมง ก็ถึง Shinjuku และเพื่อนติ่งน้อยของเราก็ส่งไลน์มา
“ฉันอยู่ Shibuya” ไรของมันฟ่ะ อยากทุบมาก
เราก็เอิ่มงั้นเดิน Survey Shinjuku หน่อยนะค่ะ …
เราว่า Shinjuku เหมาะแก่การ ช้อปปิ้งของแก้งค์เรามากที่สุด
เพราะทุกอย่างอยู่ที่นี่และมองได้ด้วยตาเปล่า ไม่ต้องหลงทาง
หลังจากเก็บรายละเอียดเรียบร้อย เพื่อนเราก็พาเรานั่งรถไฟ (ดีนะไม่เดิน) ไปสถานี Nakano
เพื่อสิ่งนี้…
Super soft cream >___<
ให้ทายว่ากินหมดมั้ย…ก็ไม่หมดล่ะสิ
แต่อร่อยมาก เยอะมาก โคนนี้ 480¥ เท่านั้น ฟินนนนนนนนน
สถานี Nakano มี Izakaya เยอะมาก น่าลองสักร้าน แต่เราไม่มีเวลาแล้ว…
เรามีนัดกับเพื่อนอีกกลุ่มที่ Shibuya วันนี้

แล้วน้อง Moo min ของเราก็ส่ง Lineมา
“ฉันอยู่ที่ Shinjukuได้สักพักแล้ว”
อะไรของมันฟ่ะ!!! ไม่น่ามีJR pass เลย
มันนั่งรถไฟเล่นหรืออะไร งงเหลือเกิน เราก็ต้องรีบไปที่ Shinjuku …
เราเดินตามหาร้านกาแฟที่นางนั่งรอเราอย่างยากลำบากมาก ขนาดเดินตาม GPS ยังหลง และในที่สุดก็เจอ
เพื่อนญี่ปุ่นของพวกเราคนนี้ อยากเจอน้อง Moo min ของเรามาก
นางถึงขั้นดีใจ และจ่ายทุกอย่างที่น้องMoo min นั่งกินรอพวกเรา =____= และก็ถึงเวลาที่ต้องลากัน TT

หลังจากที่ลาจากเพื่อนคนนี้เสร็จ เราก็ออกเดินทางไป Shibuya
ซึ่งเลยเวลานัดไป 30 นาทีแล้ว!!! เพื่อนเรานัดเจอที่หน้า Hachiko

เราขอโทษเพื่อนเราหนักมาก ก่อนที่ฮีจะตอบกลับมาว่า
“ไม่เป็นไร คนไทยไม่ถือหรอก*____*”
แหม…ตอนฮีมาไทยก็ให้ฉันรอเป็นชั่วโมง นี่อยากเตะคว่ำตรงนั้นจริงๆ
เพื่อนที่เรามาเจอที่ Shibuya นี้ มี 2 คน นางเป็นเพื่อนกันแล้วมาเที่ยวที่ไทยเมื่อปีที่แล้ว
กวนประสาทมาก ลบภาพลักษณ์คนญี่ปุ่นไปแทบจะหมด _*_
มื้อเย็นของเราวันนี้ พวกนางพาเรามา Izakaya ค่ะ
ซึ่ง…ฉันไม่กินเหล้า!!!’ แต่…นั่งได้ค่ะ นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ Izakaya อาหารอร่อยดีนะ ~___<


นั่งเม้าท์ตามภาษาคนไม่เจอมา 1 ปี จนเป็นเวลา 5 ทุ่ม (ลืมรถไฟ~)
ก็ต้องรีบกลับกัน ลงมาข้างล่างนี่ตกใจมาก บรรยากาศเหมือน นานาบ้านเฮามาก
มีรถเมล์ที่เป็นผับจอดอยู่ คนญี่ปุ่นนี่แดนซ์กันกระจุย ส่วนเราอ้าปากค้าง ลืมถ่ายรูป5555


ก่อนจะแยกจากกันโดยขึ้นรถไฟคนละสาย และไม่รู้ว่าจะเจอกันอีกเมื่อไร่แงๆๆ TT
เราขึ้น JR Yamanote Line มาลง Shinagawa บนรถไฟนี่แบบ กลิ่นเหล้าหึ่งมาก
คนญี่ปุ่นเค้าดื่มหนักกันจริงๆ แต่ที่หนักกว่ากลิ่นเหล้าคือ…
รถไฟKeikyu Line ปิดให้บริการแล้ว กรี้ดกันไปเลย
ก่อนจะตัดสินใจเดินจากสถานี Shinagawa ไปโรงแรมในเวลาเที่ยงคืน (วันแห่งการเดิน)

และเราก็ถึงโรงแรมโดยสวัสดิภาพในเวลา ตี 1 ~___~
พรุ่งนี้ฉันมีนัดแต่เช้านะเนี่ย
See you again tomorrow Yokohama
ค่าใช้จ่าย
Food 2566¥
Suica 1000¥
Total 3566¥
ภาพบรรยากาศจากฝั่ง Odaiba


วันนี้เรามีนัดที่สถานี Negishi ตอน 10โมงเช้าค่ะ เนื่องจากตอนที่ผ่านๆมาจะเห็นว่า
เกียวโตของเรานั้นฝนก็ตก นั่งรถเมล์ก็ผิด เฟลเหลือเกิน (ไปย้อนอ่านได้ค่ะ…ชีวิตน่าสงสารมาก)
เพื่อนเราคนนี้สงสารเลยพามา Sankeien ปาร์คแบบคันไซซึ่งอยู่ใน Yokohama ค่า >____<
ข้อมูล Sankeien : http://www.japan-guide.com/e/e3205.html
เพื่อนเราคนนี้เป็นคนญี่ปุ่นที่ไม่ตรงเวลาจริงๆ มาก่อนเวลาตลอด 55555
พอเรามาถึง 9.30 ฮีก็มาถึงแล้ว (นัด10โมงไม่ใช่เหรอ) พอออกจากสถานี Negishi
เราก็ขึ้นรถเมล์หน้าสถานีค่ะ จำไม่ได้เลยว่าสายอะไร TT
มื้อเช้าของเรา อร่อยจังเลย (ซื้อกลับบ้านมาด้วย5555)
นั่งได้ประมาณ 3-4 ป้ายก็ลงรถเมล์ค่ะ ข้ามถนนเข้าซอยที่อยู่ตรงข้ามป้ายรถเมล์ เดิน 500 เมตรก็จะถึงทางเข้าค่ะ ค่าเข้า 500¥




เราใช้เวลาอยู่ที่นี่ 3 ชั่วโมง (แม้ฝนจะตกก็ตาม555) และจะไปหาอะไรทานที่ Chinatown กันค่ะ
เราเดินออกกันมาทางเดิม และรอรถเมล์จริงๆเพื่อนจะพานั่งกลับไปที่สถานี Negishi เหมือนเดิม
แต่บังเอิญรถคันนี้ไปถึง Chinatown เลยค่ะ (โชคดีจัง) นั่งไปสักประมาณ 30 นาทีค่ะ ก็ถึง

เป้าหมายของเราคือ Xiao Long Bao ค่า อยากกินมาก~___~
เพื่อนเราบอกว่า… ร้านที่เพื่อนกินประจำต้องโทรมาจองโต๊ะก่อน
ร้านอื่นก็ไม่แน่ใจว่าจะอร่อยมั้ย(ร้านอร่อยจะดูใหญ่ๆ อยู่หัวมุมนะค่ะ แต่ต้องจองก่อน)
เราก็เลยสุ่มๆมั่วเลือกร้านที่มี Xiao Long Bao
ร้านที่กินวันนี้เป็นบุฟเฟ่… พนักงานเป็นคนจีนทั้งหมดเลย 55555 (ได้พูดจีนในญี่ปุ่นอีกรอบล่ะ)
เราสั่งเยอะมาก…เราเป็นคนกินเยอะ แต่ร้านนี้ทำเราผิดหวังกะ Xiao Long Bao มาก TT
แป้งหนา หมูแปลกๆ ชิ้นเบอเร่อ (โอ้ยยยย เซี่ยงไฮ้ ลอยมาเลย) กากบาทให้ร้านนี้ค่ะ ไม่อร่อย
Tam tam men รสชาติเหมือน Laksa ของสิงคโปร์เลย5555 (ข้าวซอยบ้านเราก็คล้าย)

แล้วก็ถึงเวลาของหวานแล้ว~ เพื่อนเราพาไปร้านน้ำแข็งใสชื่อดังของ Chinatownค่ะ
ร้านนี้เคยออกทีวีด้วย แต่ที่ดึงดูดเรามากกว่า…
แจจุง>___< ฉันมากินร้านเดียวกะแจจุงล่ะ กรี้ดดดดดด 555555 (อารมณ์ติ่งพลุ่งผล่านทันที)
รสชาติอร่อยจริงๆค่ะ มาทานกันนะค่ะ ถ้ามา Chinatown หาหน้าแจจุงเจอ ก็เข้าไปสั่งเลยน้า5555
(ตรงข้ามร้านมีรับดูลายมือ 500¥ 5555 จำได้)
หลังจากเราอิ่มมาก เพื่อนเราก็เดินพาไปนั่งJR สถานี Ishikawacho เพื่อจะไปOdaibaกันค่ะ >___< (ต้องไปเปลี่ยนไลน์ที่ Shinagawa ก่อน)
เรานั่งคุยกับเพื่อนเรื่องการนั่งรถไฟในญี่ปุ่น ซึ่งถ้าเกิน 10นาที เราจะหลับตลอด
แต่บางวันก็มีซบคุณลุงข้างๆด้วย5555 เพื่อนเราก็บอกว่า…เรื่องปกติในญี่ปุ่น (เบาะนุ่มสบายล่ะสิ )
ให้เลือกสองที่นั่งริมสุดในรถไฟ จะได้มีที่พิงหัว นอนสบายสุด 55555 (ทริคการนอนค่ะ)
จากสถานี Ishikawacho เพื่อไปสถานี ใช้เวลาเกือบชั่วโมง เราเลยของีบหน่อยนะ
เพื่อนเราก็โอเค เดี๋ยวปลุกเราเอง (น่ารักจริงๆเลย>\\\<)
จนผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้ เราตื่นขึ้นมา… เห้ยยย เลยสถานีแล้ว 5555 (ฮีก็หลับคร่า^^)
กลายเป็นเราปลุกฮีแทน แต่โชคดีที่สถานีต่อไปคือ Oimachi สามารถต่อ Rinkai Line ไป สถานี Tokyo teleport ได้
และเราก็ไปถึง Tokyo Teleport คร่า Rinkai Line ใช้กับ JR pass ไม่ได้นะคะ
Tokyo Teleport นั่นก็คือ Fuji Tv บ้านของ Doraemon นั่นเอง >\\\\<


แล้วเราก็เดินไปยังห้าง River city ที่มี Gundamยืนอยู่ค่ะ
Konbanwa!! Gundam~
เรากับเพื่อนเราไม่ค่อยอินเท่าไร่เพราะไม่ได้ชอบ Gundam (แต่เพื่อนเราชอบ Evangelion คร่า5555)
เราก็ตัดสินใจเดินไปทาง ชิงช้าสวรรค์ค่ะ มีห้างอยู่ตรงนั้นอีกที่


ในห้างมีโบสถ์ พิพิธภัณฑ์รถ โซนโตโยต้า ร้านอาหารเยอะแยะมากคร่า เดินกันข้างในสักพัก เราก็เดินทะลุไปข้างหลัง

จริงๆคือเพื่อนพาเราเดินหลง หาอะไรกันไม่เจอสักอย่าง ระหว่างเดินกลับเรามองไปเห็นTokyo Tower เลยงอแงจะไป55555
มองจากตรงนี้เปิดไฟสวยจัง>___< มีRainbow bridge ด้วย (กล้องโทรศัพท์ออกมาไม่เหมือนตาเห็นแม้แต่นิด555)
เราก็เห็นมันอยู่ใกล้ๆเลยชวนเพื่อนเดิน…เพื่อนก็เลย เอิ่มมมม มันไกลมากเฟ้ยยย 5555
ฮีพาเราขึ้น Yurikamome Line เป็นรถไฟคันน้อย วิวข้างทางสวย โรมแมนติกมาก >\\\\< ชอบบบบ (แงงงง ไม่มีรูป)
เราต้องมาเปลี่ยนขึ้น JR ที่สถานี Shimbashi (สุดสายของYurikamome) นะค่ะ
และมาลงที่สถานี Hamamatsucho เดินจากสถานีเล็กน้อย(แบบญี่ปุ่น) ก็ถึง Tokyo Tower ค่า
ระหว่างทางเดินร้านอาหารน่ากินมากกกกก
ถึงแล้ว

พอถึงเราก็ซื้อตั๋วขึ้นไปmain observatory ราคา 900 ¥



เราอยู่กันข้างบนสักพักก็กลับค่ะ ตอนนี้ก็เป็นเวลา 4ทุ่มครึ่งแล้ว
ถึงเวลาต้องให้เพื่อนกลับล่ะค่ะ เพราะบ้านนางอยู่ไกล เราก็นั่ง JR มาลงShinagawa ค่ะ
ก่อนจะแยกกันที่สถานี Aomono-Yokocho TT และอีกครั้งที่ไม่รู้ว่าจะได้เจอเมื่อไร่ (เศร้าจัง) เดินน้ำตาคลอกลับโรงแรมคนเดียว 5555
またね、またね。
วันนี้ก็เป็นอีกวันนึงที่ได้เที่ยวเต็มที่แม้ว่าฝนจะตกก็ตามค่ะ 5555
**วันนี้ให้คะแนนความฟิน ล้าน ล้านไปเลย 5555555)
พรุ่งนี้ Shopping Day
See you Shinjuku~ >>>Final Part of Japan
ค่าใช้จ่าย
Food 3320 ¥
Suica 1000 ¥
Sankeien 500 ¥
Tokyo Tower 900 ¥
Total 5720¥
วันนี้อย่างที่เกริ่นไว้พาร์ทที่แล้ว จะไปช้อปปิ้งกันค่ะ
แต่เพื่อนเราคนหนึ่งเห็นภาพบรรยากาศของโตเกียว ทาวเวอร์ของเราเมื่อวาน ก็อยากไปบ้าง
(ส่วนเพื่อนอีกคนไปช้อปปิ้งตั้งแต่7โมงเช้าค่ะ…ไปเปิดร้านรึไง)
จาก Shinagawa ก็ขึ้น Yamanote Line มาสถานี Hamamatsu
ระหว่างทางเดินซึ่งเมื่อคืนก็เล็งๆว่าอยากจะกินอยู่แล้ว แต่เอ้ะจำร้านที่เดินผ่านเมื่อคืนไม่ได้ จึงเข้าร้านมั่วค่ะ





หลังจากพาเพื่อนมาเห็นให้เป็นบุญตา เราก็นั่งรถไฟไป Harajuku กันค่ะ เรานัดเพื่อนอีกคนไว้ที่ ศาลเจ้าเมจิ
แต่พอมาถึงก็ไม่มีวี่แววของเพื่อน (อีกแล้ว…สายจนวันสุดท้าย) เราก็เลยเดินไปสำรวจกัน 2 คน


หลังจากสำรวจเสร็จเราก็เดินออกมา เพิ่งเจอเพื่อนตัวน้อยของเรา นางเพิ่งมาถึง
=____= และก็ได้เวลาซื้อของแล้วววววว
เป้าหมายของเราคือ ซื้อกล้องให้เพื่อน กับ Jakkabee ค่ะ
เราทั้ง 3 ก็นั่งรถไฟไป Shinjuku ทันที (ไม่เดินแล้วน้า)
ร้านที่เราเลือกซื้อกล้องคือ ห้างYodabashiค่ะ เป็นห้างขายของพวก Electric ทั้งหลาย
ซื้อกล้องที่นี่มันถูกกว่าที่ไทยไม่พอ ฟรีแทกซ์ด้วย >|||||<
และเราก็มุ่งหน้าไปซื้อ Jakkabee ที่ Donkihote
ซึ่งตามความเห็นส่วนตัว ต่อให้ที่นี่ฟรีแทกซ์ก็ยังแพงกว่าหลายร้าน แต่ดีที่มีของตามที่ต้องการค่ะ
จากข้างต้น Donkihote ราคาแพงเหลือเกิน โดยเฉพาะ Kit Kat
ตอน Part 8 ที่เราแว้บไปสถานี Nakano ที่นั่นมีร้านขายขนมร้านนึง ทุกอย่างถูกกว่า Donkihote
แม้จะไม่ฟรีแทกซ์ (เราไม่ยอมจริงๆค่ะ) เลยนั่งรถไฟไป Nakano เพื่อจะซื้อขนมเพิ่ม
ราคามันฟินมากค่ะ เพื่อนเราได้ ทาโร่ชีส 3ห่อ พันกว่าเยน เราก็ได้Kit Kat cookies カットリア•マーマ และ Jakkariko ค่ะ
อันนี้ Love มาก ขอแนะนำ รสชีส เบคอน น่าตาแบบนี้ค่า
มันจะน่าตาคล้ายๆรสเนย ระวังซื้อผิดนะค่ะ
หลังจากช้อปขนมกันเป็นที่เรียบร้อย เราก็กลับกันค่ะ
วันนี้พวกเรามีนัดกินข้าวเย็นกับเพื่อน Okinawa และก็เลือกกินร้านราเมงแถวโรงแรมนั่นล่ะ



พอทานกันเสร็จเราก็ไปจองตั๋วรถไฟNEX สำหรับไปสนามบินนาริตะพรุ่งนี้ค่ะ
(ใช้JRได้นะค่ะ แต่ต้องมาจองก่อนเหมือนShinkansen)
หลังจากจองเสร็จเราก็แยกกับเพื่อนเราที่สถานี Shinagawa
เพราะคืนนี้เรามีงานแพคของอันยิ่งใหญ่ แพคเสร็จนี่ตี 2กันเลยทีเดียว 5555
ไฟลท์กลับของเราเป็นเวลา 10.00 ฉะนั้นเราจึงต้องออกจากโรงแรม ตี 5 ค่ะ

เราก็ไปเริ่มกันที่สถานี Shinagawaกันค่ะ
NEX นั้นจะมีที่ขึ้นแยกเฉพาะเหมือน Shinkansen ค่ะ รถไฟก็มาตรงเวลาเป้ะเช่นเดิม
ภายในรถไฟมันหรูมาก น้ำตาไหลเลย รู้สึกหรูกว่าShinkansen 5555
ตอนนี้รักJR Pass มาก ใช้เวลาจาก Shinagawa ไป Narita ประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึงค่ะ
ไม่ได้ถ่ายรูปมา…แต่ของจริงเหมือนในเว็บทุกประการ
ข้อมูล NEX: http://www.jreast.co.jp/e/nex/index.html


またね、またね!
ขากลับนี้มาเปลี่ยนเครื่องที่ Hanoi ค่ะ สนามบินที่นี่รับเงิน USD เท่านั้น
อย่าได้บังอาจหิวเชียวค่ะ เพราะแลกเงินในสนามบินมันแพงมาก!!!! 1USD=44 Baht
เรา 3 คนนั่งแกะ Jakkabee กินกันเลยทีเดียว 5555555 ( แต่ถ้าใครมี USD ก็หาอะไรทานได้ค่ะ ดิวตี้ฟรีเวียดนามราคาถูกด้วย)
เรื่องราวในญี่ปุ่นของเรา 宇宙人 ก็หมดลงแล้วค่า
ขอบคุณที่นั่งอ่านจนถึงPartนี้นะค่ะ 55555
กระทู้ต่อๆไปจะแชร์เรื่องราวที่ Denmark ซึ่งเป็นทริปต่อจากทริปนี้ ฝากด้วยนะค่ะ
Hej Denmark: http://pantip.com/topic/34240044
สรุปรายจ่ายที่ใช้ตลอดทริป มันเกิน50000 บาท ไหมเนี่ย 55555
Day1-Day11 ทั้งหมด 66206 Yen = 18,107 บาท
รวมกับค่าเครื่องบิน+JR+Hotel (Part 1)
= 18,107+29286
= 47,393 บาท
เย้!!!! อยู่ในงบ 555555
Ps.อันนี้เป็นตัวอย่างค่าใช้จ่าย สำหรับการเที่ยวแบบมนุษย์ต่างด้าวอย่างเรานะค่ะ 55555
ค่าใช้จ่ายจะมากน้อยเท่าไหน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และลักษณะของส่วนบุคคล
แต่ถึงอย่างไรเวลาไปเที่ยวก็อย่ากังวลเรื่องการใช้เงินเกินไป หรือใช้จนบังคับไม่ได้นะค่ะ
จะได้เที่ยวอย่างสนุกและประทับใจไร้กังวลค่ะ ^^ (แต่เด็กๆแบบเรา…ใช้พอดีพอดีเถอะ555)
ปิดท้ายด้วยน้ำส้มยี่ห้อโปรดค่ะ